การศึกษาการรับรู้การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน จากการประกอบกิจการให้บริการดูแลรักษาตู้ขนส่งสินค้า (ตู้คอนเทนเนอร์) และการให้บริการรถหัวลาก กรณีศึกษา จังหวัดชลบุรี

ชื่อเรื่อง : การศึกษาการรับรู้การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน จากการประกอบกิจการให้บริการดูแลรักษาตู้ขนส่งสินค้า (ตู้คอนเทนเนอร์) และการให้บริการรถหัวลาก กรณีศึกษา จังหวัดชลบุรี

ปี : 2562

บทคัดย่อ :

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน จากการประกอบกิจการให้บริการดูแลรักษาตู้ขนส่งสินค้า (ตู้คอนเทนเนอร์) และการให้บริการรถหัวลากของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และความสัมพันธ์ระหว่างระยะห่างของสถานประกอบกิจการฯ กับการได้รับเหตุเดือดร้อนรำคาญของประชาชน การศึกษาครั้งนี้ใช้รูปแบบเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง ( Cross-sectional Descriptive Study) เก็บตัวอย่างในครัวเรือนใกล้เคียงสถานประกอบการโดยวิธีการสุ่มตัวอย่าง จำนวน 498 ครัวเรือน ถูกเลือกโดย การสุ่มอย่างง่าย โดยใช้แบบสำรวจการรับรู้การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน จากการประกอบกิจการฯ ระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2560 ประเด็นการศึกษาประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไป การรับรู้การเปลี่ยนแปลงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เหตุเดือดร้อนรำคาญ และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร ผลการศึกษา พบว่า ด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าที่แย่ลงจากประเด็นฝุ่นละอองบริเวณบ้าน ร้อยละ 73.50 รองลงมา ได้แก่ ฝุ่นละอองภายในบ้าน และความหนาแน่นของการจราจร ร้อยละ 71.50 และ 69.90 ตามลำดับ ด้านการใช้ประโยชน์ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าแย่ลงจากประเด็นการคมนาคม (มีรถกีดขวางทางการจราจร) ร้อยละ 62.20 รองลงมา ได้แก่ คุณภาพของน้ำฝน (ในการนำมาบริโภค) และผลผลิตทางการเกษตร ร้อยละ 42.40 และ 21.30 ตามลำดับ และด้านคุณภาพชีวิต พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นต่อการเปลี่ยนแปลงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่แย่ลงจากประเด็นอาการทางตา ตาแดง เคืองตา จากฝุ่นเข้าตา ร้อยละ 50.60 รองลงมา ได้แก่ อาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด และอาการทางผิวหนัง ร้อยละ 49.00 และ 47.00 ตามลำดับ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร มีประชาชนเพียง ร้อยละ 4.20 ที่เคยมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และ ร้อยละ 71.50 ต้องการให้สถานประกอบกิจการฯ มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และความสัมพันธ์ของระยะห่างระหว่างบ้านกับสถานประกอบกิจการให้บริการดูแลรักษาตู้ขนส่งสินค้า (ตู้คอนเทนเนอร์) และการให้บริการรถหัวลาก กับการได้รับเหตุเดือดร้อนรำคาญ พบว่า ความสัมพันธ์ของระยะห่างฯ กับการได้รับเหตุเดือดร้อนรำคาญจากเสียงรบกวน มีความสัมพันธ์กัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (χ2 = 5.021, P-Value = 0.025) เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของระยะห่างฯ กับการได้รับเหตุเดือดร้อนรำคาญจากฝุ่นละออง มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (χ2 = 7.993, P-Value = 0.005) และความสัมพันธ์ของระยะห่างฯ กับการได้รับเหตุเดือดร้อนรำคาญจากน้ำเสียมีความสัมพันธ์กัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (χ2 = 5.845, P-Value = 0.016)
อย่างไรก็ตามพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่ที่มีท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือสำคัญในการส่งออกและนำเข้าสินค้าของประเทศไทย และกำลังถูกพัฒนาเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งเป็นการพัฒนาด้านอุส าหกรรม การโลจิสติกส์ ดังนั้น ควรมีการจัดทำข้อเสนอต่อคณะกรรมการสาธารณสุขในการประกาศเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 ที่นำไปสู่การจัดทำหลักเกณฑ์ในการควบคุมการประกอบกิจการให้บริการดูแลรักษาตู้ขนส่งสินค้า (ตู้คอนเทนเนอร์) และการให้บริการรถหัวลาก เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถบังคับใช้กฎหมายในการป้องกันผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากกิจการให้บริการดูแลรักษาตู้ขนส่งสินค้า (ตู้คอนเทนเนอร์) และการให้บริการรถหัวลาก

นักวิจัย : วิษณุ ศรีวิไล ,พนิตา เจริญสุข และ คณะกรรมการศึกษาความเสี่ยงและลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมฯ

คำสำคัญ : ตู้คอนเทนเนอร์, รถลาก, รถหัวลาก, ชลบุรี, แหลมฉบัง,ผลกระทบต่อสุขภาพ

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : A STUDY OF COMMUNITY PERCEPTIONS ON ENVIRONMENTAL AND HEALTH IMPACT CONTAINER MAINTENANCE SERVICES AND TRACTOR TRUCK SERVICES IN CHONBURI PROVINCE

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ :

This study aimed to examine the public's perception of environmental and health changes due to container maintenance and truck services in Chonburi Province, as well as the relationship between the distance from these service operations and the public's experience of disturbances. The study utilized a cross-sectional descriptive design, collecting data from 498 randomly selected households near the operations. The survey was conducted between October and November 2017, focusing on general information, perceived environmental and health impacts, disturbances, and corporate social and environmental responsibility.

The findings revealed that in terms of the physical environment, the majority of respondents believed conditions had worsened due to dust around their homes (73.50%), dust inside their homes (71.50%), and increased traffic congestion (69.90%). Regarding usability, most respondents indicated deterioration in transportation issues (obstruction of traffic by vehicles) at 62.20%, followed by the quality of rainwater (for consumption) at 42.40%, and agricultural productivity at 21.30%. In terms of quality of life, most respondents reported worsening conditions related to eye symptoms, such as red and irritated eyes from dust (50.60%), followed by respiratory issues like allergies and asthma (49.00%), and skin conditions (47.00%).

Regarding corporate social and environmental responsibility, only 4.20% of the population had participated in problem-solving efforts, while 71.50% desired greater responsibility from the service providers. The study also found a statistically significant relationship between the distance from service operations and the public's experience of noise disturbances (χ2 = 5.021, P-Value = 0.025), dust (χ2 = 7.993, P-Value = 0.005), and wastewater (χ2 = 5.845, P-Value = 0.016) at the .05 level.

Given that Chonburi Province houses the significant Laem Chabang Port for Thailand’s exports and imports and is being developed into the Eastern Economic Corridor, focusing on industrial and logistics development, it is recommended that the Public Health Committee declare these operations as health-hazardous activities under the Public Health Act B.E. 2535 (1992). This would lead to the establishment of guidelines for controlling container maintenance and truck services, enabling local governments to enforce laws to prevent environmental and health impacts from these activities.